ศูนย์สมาร์ทฟาร์ม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์

SMART FARM WALAILAK UNIVERSITY

ผศ.ดร.ผดุงศักดิ์ สุขสอาด รักษาการแทนรองอธิการบดี สอนนักศึกษาฝึกงานเรื่องการติดตา การตอนกิ่ง

วันที่ 4 พ.ค.2566 ผศ.ดร.ผดุงศักดิ์ สุขสอาด รักษาการแทนรองอธิการบดี สอนนักศึกษาฝึกงาน เรื่องการติดตา การตอนกิ่ง

           การขยายพันธุ์พืชด้วยวิธีการติดตาต่อกิ่งนี้ใช้กันอย่างแพร่หลายกับพืชใบเลี้ยงคู่ (dicots) ที่มีเนื้อไม้แข็ง ก่อนที่จะกล่าวถึงเรื่องราวที่เกี่ยวกับการขยายพันธุ์แบบนี้และวิธีการทำ มีศัพท์บางคำที่จะต้องทำความเข้าใจเสียก่อน

การติดตา (budding) คือ ศิลปะการนำเปลือกไม้ที่มีตาอยู่เพียงตาเดียวของพืชหนึ่งไปติดกับพืชอีกต้นหนึ่ง โดยที่ตาเปลือกไม้นั้นจะเจริญเติบโตเป็นลำต้นของพืชต้นใหม่

การต่อกิ่ง (grafting) คือ ศิลปะการนำกิ่งของพืชต้นหนึ่งไปต่อเข้ากับพืชอีกต้นหนึ่ง โดยที่กิ่งที่นำไปต่อจะเจริญเติบโตเป็นลำต้นของพืชต้นใหม่

ยอด (scion or top) คือกิ่งซึ่งประกอบด้วยตาหลายตาหรือเปลือกไม้ซึ่งมีตาเดียวที่ใช้ในการต่อกิ่งหรือการติดตา

ต้นตอ (stock, rootstock or understock) คือส่วนล่างของต้นตอกิ่งหรือต้นติดตาที่จะเจริญเป็นระบบราก ต้นตออาจจะเป็นต้นกล้าที่เพาะจากเมล็ด กิ่งปักชำที่ออกรากแล้ว หรืออาจจะเป็นต้นตอของไม้ยืนต้นที่ตัดลำต้นทิ้งก็ได้

จุดประสงค์ของการติดตาและการต่อกิ่ง

การขยายพันธุ์พืชโดยวิธีการต่อกิ่งและการติดตามีจุดประสงค์หลายประการดังนี้คือ

(1) การขยายพันธุ์โดยการต่อกิ่งและการติดตาใช้ในการเพิ่มจำนวนต้นพืช โดยพืชต้นใหม่ที่จะเกิดขึ้นจะมีลักษณะทางกรรมพันธุ์เหมือนกับต้นแม่ การต่อกิ่งและการติดตาเพื่อเพิ่มจำนวนต้นพืชนี้ใช้เมื่อพืชชนิดนั้นไม่สามารถจะขยายพันธุ์ได้โดยวิธีอื่นๆ เช่น อัลมอนด์และยูคาลิปตัสไม่สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการปักชำ ฉะนั้นจึงต้องใช้วิธีการต่อกิ่งหรือการติดตาในการขยายพันธุ์

(2) ในการขยายพันธุ์พืชโดยวิธีต่อกิ่งหรือติดตาทำให้เราสามารถเลือกต้นตอที่เหมาะสมต่อสภาพพื้นที่และสภาพแวดล้อมอื่นๆ ได้ เช่น ถ้าเราต้องการปลูกพืชชนิดหนึ่งใน ดินที่เค็มจัดแต่พืชพันธุ์ที่เราจะปลูกนั้นไม่สามารถที่จะทนต่อสภาพดังกล่าวได้ เราอาจจะใช้พืชพันธุ์ที่ทนต่อสภาพดินเค็มมาเป็นต้นตอได้และเราก็สามารถปลูกพืชพันธุ์ที่เราต้องการบนต้นตอที่ทนต่อความเค็มของดินได้ นอกจากนั้นเรายังสามารถปลูกพืชในที่ที่มีโรคชุกชุมได้อีกด้วย ถ้าเราใช้ต้นตอที่ต้านทานโรคที่เกิดขึ้นในพื้นที่นั้นได้ ต้นตอบางชนิดอาจทำให้ต้นไม้พันธุ์ที่เราปลูกออกดอกออกผลเร็วกว่าปกติ ให้ผลผลิตสูงหรือคุณภาพของผลดีขึ้นก็ได้

(3) การใช้การต่อกิ่งในการเปลี่ยนพันธุ์ที่เราไม่ต้องการ ต้นพืชเดิมที่มีอายุมากมักจะเจริญเติบโตช้า และให้ผลผลิตลดลง ในกรณีนี้เราสามารถที่จะเปลี่ยนยอด (ลำต้น) ใหม่ (อาจจะใช้พันธุ์เดิมหรือพันธุ์ใหม่ก็ได้) มาต่อกับต้นตอเดิมที่มีลำต้นใหม่ที่มีการเจริญเติบโตดีและให้ผลผลิตสูง วิธีการเปลี่ยนพันธุ์ของ scion ดังกล่าวมาแล้วเราเรียกว่า top working

(4) การต่อกิ่งหรือการติดตาอาจใช้ประโยชน์ในการศึกษาโรคไวรัสที่เป็นอันตรายต่อพืชได้ เช่น ถ้าเราต้องการทราบว่าต้นพืชที่เราปลูกนั้นจะมีโรคไวรัสอยู่ข้างในหรือไม่ เราอาจตรวจได้โดยการนำเอากิ่งของพืชที่เราปลูกมาต่อกับพืชที่มีความไว (susceptible) ต่อโรคไวรัส ถ้ากิ่งพืชที่เรานำเอาไปต่อนั้นมีเชื้อไวรัส ต้นตอที่มีความไงต่อชื้นไวรัสและจะแสดงอาการออกมาให้เห็น (ต้นตอที่มีความไวต่อโรคและนำมาใช้ในการตรวจโรค เราเรียกว่า indicator) ถ้าต้นตอไม่แสดงอาการเราก็พอจะพูดได้ว่าต้นพืชที่เราปลูกนั้นไม่มีโรคไวรัส การที่จะสรุปว่าพืชที่เราปลูกไม่มีโรคไวรัสนั้นจะต้องทดสอบหลายๆ ครั้ง เพื่อความแน่นอน

(5) การต่อกิ่งหรือการติดตามอาจใช้ประโยชน์เพื่อการสร้างต้นพืชที่มีลักษณะพิเศษ เช่น เราสามารถปลูกส้มเขียวหวานและมะนาวให้อยู่บนต้นเดียวกันได้โดยใช้กิ่งของมะนาวติดไปบนต้นของส้มเขียวหวาน เราจะได้ผลมะนาวและผลส้มเขียวหวานบนต้นเดียวกัน

สิ่งที่จำเป็นในการติดตาและการต่อกิ่ง

ในการต่อกิ่งหรือการติดตา เราจะต้องพิจารณาสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้ได้ผลของการต่อกิ่งหรือการติดตาที่มีเปอร์เซ็นต์สูง

(1) ชนิดของพืช พืชที่จะนำมาใช้ในการต่อกิ่งหรือการติดตานั้นจะต้องเป็นพืชที่ใบเลี้ยงคู่ และโดยทั่วไปควรจะเป็นพืชชนิดเดียวคือ อยู่ใน species เดียวกัน เพราะพืชชนิดเดียวกันมีโอกาสที่ให้ผลสำเร็จได้ดีกว่าพืชต่างชนิดกัน เช่น กิ่งกุหลาบพันธุ์หนึ่งสามารถติดบนต้นตอพันธุ์เดียวกันได้ดีกว่านำไปติดบนต้นตอพันธุ์อื่นๆ แต่พืชต่างชนิดกันที่มีความใกล้เคียงกันก็สามารถนำมาต่อกันได้เป็นบางคู่

(2) ในการปฏิบัติการต่อกิ่งหรือการติดตาจะต้องทำให้ขอบเปลือกด้านในของ scion อยู่ตรงกับขอบเปลือกด้านในของ stock ในกรณีที่ scion และ stock มีขนาดไม่เท่ากัน ให้ติด scion เข้ากับ stock โดยให้ขอบในของเปลือกของ scion และ stock ติดกันด้านเดียว

ปัญหาเช่นนี้จะไม่เกิดกับการติดตาเพราะในการติดตานั้นขอบเปลือกด้านในของ scion จะประกบติดกับผิวของเนื้อไม้อยู่แล้ว

(3) การปฏิบัติที่ส่งเสริมให้ scion ติดกับ stock เร็วขึ้น หลังจากนำ scion ไปติดกับ stock แล้วควรใช้แผ่นพลาสติกหุ้มรอยต่อของ scion และ stock ให้แน่น เพื่อให้ scion และ stock ประสานกับอย่างสนิทเร็วขึ้น นอกจากนั้นการใช้แผ่นพลาสติกหุ้มรอยต่อยังเป็นการรักษา scion และ stock มิให้แห้งก่อนที่มันจะประสานกันอีกด้วย

(4) เวลาในการทำการต่อกิ่งและการติดตา การต่อกิ่งหรือการติดตาจะต้องทำในเวลาที่ตาของ scion กำลังพักตัว (ส่วนใหญ่ตาจะพักตัวในฤดูหนาว) เพื่อปล่อยให้ scion และ stock ติดกัน

(5) การดูแลต้นต่อกิ่งและต้นติดตา หลังจากการต่อกิ่งและติดตา เราจะต้องรักษาต้นต่อให้เรียบอยู่เสมอ ถ้ามีกิ่งใหม่งอกออกมาจากบริเวณใต้ union ก็ให้เด็ดกิ่งนั้นทิ้งเสีย อย่าปล่อยให้บริเวณ union ชื้นแฉะมีน้ำขังเพราะอาจเกิดเชื้อโรคได้

(6) ความชำนาญของผู้ปฏิบัติ ความสำเร็จของการต่อกิ่งและติดตาขึ้นอยู่กับความชำนาญและประสบการณ์ของผู้ปฏิบัติ โดยทั่วไปถ้าผู้ปฏิบัติผ่านงานนี้มามาก การต่อกิ่งและการติดตาก็จะได้ผลสูง

(7) scion และ stock ควรมีลักษณะที่ดี ในการติดตาและการต่อกิ่งควรใช้ scion และ stock ที่มีลักษณะที่ดีผลสำเร็จจะเพิ่มขึ้น

ลักษณะของ scion ที่ดี

  1. กิ่งที่จะนำมาทำเป็น scion ควรมีอายุไม่เกิน 1 ปี

  2. scion ที่ดีจะต้องมีตาเห็นได้ชัดเจนและเป็นกิ่งที่มีความสมบูรณ์ ไม่ควรใช้กิ่งที่ออกดอกแล้วมาใช้ในการต่อกิ่งหรือการติดตา

  3. scion ที่ดีควรได้มาจากต้นแม่ที่ไม่มีโรคและให้ผลผลิตสูง

  4. scion ที่ดีควรได้มาจากส่วนที่อยู่ตรงกลางของกิ่งหรือส่วนที่ค่อนข้างไปทางปลายเล็กน้อย

  5. scion ของไม้ผลัดใบควรเก็บจากต้นในฤดูหนาว (เป็นเวลาที่ตาพักตัว) และเก็บรักษาไว้ในตู้เย็นที่ 33 องศาฟาเรนไฮต์ เพื่อรอฤดูกาลที่เหมาะสมในการต่อกิ่งหรือติดตา

ลักษณะของ stock ที่ดี

  1. stock ควรมีคุณลักษณะที่เราต้องการเช่น สามารถทดทานต่อโรค ทนต่อสภาพแห้งแล้งให้ผลผลิตและมีคุณภาพของ scion สูง ฯลฯ

  2. stock ที่ดีจะต้องปราศจากโรคชนิดต่างๆ

  3. ควรจะมีอายุประมาณ 1 ปี

  4. ขยายพันธุ์ได้ง่าย

การติดตา V.S. การต่อกิ่ง

การติดตามีข้อดีเหนือกว่าการต่อกิ่งหลายประการ ดังต่อไปนี้ คือ

  1. การติดตาให้ union ที่แข็งแรงกว่าการต่อกิ่ง union ที่แข็งแรงเป็นผลทำให้ต้นพืชมีอายุยืนนาน ให้ผลผลิตที่ดีทั้งคุณภาพและปริมาณ

  2. การติดตาใช้กิ่ง scion ในปริมาณที่น้อยกว่าการต่อกิ่ง กิ่งที่นำมาใช้ในการต่อกิ่ง 1 ต้นอาจใช้ในการติดตาได้ 4-5 ต้น ฉะนั้นการติดตาจึงเป็นประโยชน์มากในกรณีที่ scion หาได้ยากและมีราคราแพง

  3. การติดตาทำได้ง่ายกว่าการต่อกิ่ง สำหรับผู้เริ่มปฏิบัติจะทำการติดตาได้ผลดีกว่าการต่อกิ่ง

  4. การติดตาใช้เวลาน้อยกว่าการต่อกิ่ง (เวลาในการปฏิบัติงาน)

                ด้วยเหตุผลดังกล่าว การติดตาจึงเป็นที่นิยมกันมากกว่าการต่อกิ่ง ผู้ปฏิบัติจะใช้การต่อกิ่งก็ต่อเมื่อต้องกรให้ได้ต้นพืชเร็ว การต่อกิ่งใช้เวลาตั้งแต่เริ่มจนได้พืชที่สามารถนำไปปลูกประมาณ 6 เดือน ส่วนการติดตาจะต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 ปี นอกจากนั้นการต่อกิ่งจะใช้ก็ต่อเมื่อมีการเปลี่ยนพันธุ์ใหม่บนต้นตอเดิม ในกรณีนี้จำเป็นต้องใช้การต่อกิ่ง เพราะเปลือกไม้ของต้นตอหนามาก การปฏิบัติต่อกิ่งจึงทำได้ง่ายกว่าการติดตา

Facebook Comments Box

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

For security, use of Google's reCAPTCHA service is required which is subject to the Google Privacy Policy and Terms of Use.